Giffarine by Ongard
ช้อปเมื่อไรก็ได้ พร้อมสิทธิมากมาย
กิฟฟารีน ออนไลน์
ที่นี่...เราเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน
  โทร. 0802033222
  ไลน์ ไอดี: @giffarinevirtual.s

  0 Cart
สตรีวัยทอง - Menopause


ღღ อาการวัยทองในผู้หญิง วิธีแก้อาการวัยทอง อาการวัยทองเป็นนานแค่ไหน
สตรีวัยทอง Menopause
      ◉ วัยทอง หมายถึง วัยของผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุในช่วง 40-59 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างวัยเจริญพันธุ์และวัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ความสามารถในการผลิตฮอร์โมนเพศลดน้อยลงจนเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และมีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพได้ง่าย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น

      ◉ สตรีวัยทอง หรือสตรีวัยหมดประจำเดือน (Menopause) หรือวัยหมดระดู คือการที่มีการขาดหายไปของระดู เกิดขึ้นติดต่อกัน 12 เดือน หมายถึง สตรีในวัย 40 – 59 ปี ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน หยุดสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอร์โรน ซึ่งทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวรร่วมด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาตามมา แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
      ◎ ระยะก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause)
             เป็นระยะเริ่มของการหมดประจำเดือนทำให้สตรีมีประจำเดือนมาผิดปกติ ร่วมกับมีอาการทางร่างกาย เช่น ร้อนวูบวาบ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย อารมณ์จะแปรปรวน ซึ่งระยะนี้จะเกิดประมาณ 2-3 ปี
      ◎ ระยะหมดประจำเดือน (menopause)
             เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่การหมดประจำเดือนมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
      ◎ ระยะหลังหมดประจำเดือน (postmenopause)
             เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่หลังหมดประจำเดือนมาแล้ว 1 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ช่องคลอดตีบแคบ กระดูกพรุน และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆได้ง่าย

อาการวัยทองในผู้หญิงเป็นนานแค่ไหน?
วัยทอง หรือ วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
◉ อาการผู้หญิงวัยทอง
◎ อาการระยะสั้น
      ➣ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาติดกันหรือห่างจากกันมาก บางรายอาจมีเลือดออกผิดปกติ
      ➣ อาการร้อนวูบวาบ (Hot flush) จากการแปรปรวนของระดับฮอร์โมนทำให้ร่างกายควบคุมอุณหภูมิผิดปกติ เป็นอาการทางร่างกายที่พบได้บ่อยที่สุดในสตรีวัยทอง มักมีอาการร้อนวูบวาบบริเวณลำตัวส่วนบน โดยเฉพาะบริเวณหน้า คอและอก แล้วกระจายไปส่วนล่างหรือส่วนบน มีส่วนน้อยจะกระจายไปทั่วร่างกาย อาการมักจะเป็นประมาณ 3-4 นาที โดยจะมีอาการมากในช่วง 2-3 ปี แรก หลังหมดประจำเดือน และจะค่อยๆ ลดลงใน 1-2 ปี นอกจากนั้นอาจมีอาการเหงื่อออก หนาวสั่น ลำตัวเย็นชื้น วิตกกังวล หรือรู้สึกใจสั่นได้ อาการเหล่านี้อาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลง โดยอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี หลังจากเข้าสู้วัยหมดระดู อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้อาจมีจนถึง 10 ปี หรือมากกว่านั้น ในหญิงบางรายเป็นปัญหาหลักที่ทำให้หญิงวัยหมดระดูมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
      ➣ นอนไม่หลับ อันเป็นผลของอาการร้อนวูบวาบ
      ➣ ด้านจิตใจ มักพบเกิดอาการซึมเศร้า อารมณ์หงุดหงิด มีความวิตกกังวลง่าย
      ➣ ปัญหาทางช่องคลอดและระบบปัสสาวะ ช่องคลอดแห้ง จากระดับเอสโตรเจนที่ลดลง การมีสารคัดหลั่งผิดปกติ ทำให้มีปัญหาในการร่วมเพศ มีอาการคัน อาการการอักเสบของช่องคลอด มดลูก และช่องคลอดหย่อน ความต้องการทางเพศลดลง
      ➣ โอกาสมีลูกน้อยลง จากการตกไข่ที่ไม่แน่นอน และไม่สามารถมีลูกได้อย่างถาวร หลังประจำเดือนไม่มาเต็ม 1 ปี
      ➣ ผิวหนังเหี่ยวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เป็นแผล และกระได้ง่าย
      ➣ เต้านมเล็กลง หย่อน ไม่เต่งตึง

◎ อาการระยะยาว
      ➣ ระบบหัวใจและหลอดเลือด
            หลังหมดประจำเดือน ร่างกายจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันมากขึ้น เนื่องจากจากการขาดเอสโตรเจน เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนทำหน้าที่สำคัญในการลดไขมันไม่ดี LDL
      ➣ โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
            จะมีความแข็งแรงของกระดูกลดลงทำให้มีกระดูกหักง่าย หากเกิดขึ้นที่ตำแหน่งสำคัญ เช่น กระดูก สะโพก อาจทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้ โดยปกติฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและยับยั้งการทำลายของกระดูก ดังนั้นการขาดเอสโตรเจนของวัยหมดประจำเดือนจะทำให้มีการทำลายเนื้อกระดูกมากขึ้นถึงร้อยละ 5 ต่อปี จนเกิดเป็นโรคกระดูกพรุนตามมา โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง กระดูกข้อมือ และกระดูกสะโพก เป็นต้น ซึ่งการตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone mass density: BMD) จะช่วยในการวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน จึงทำให้แพทย์เริ่มการรักษาโรคกระดูกพรุนเพื่อป้องกันกระดูกหักที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ 
      ➣ ปัญหาของทางเดินปัสสาวะ
            ผลจากระดับกระดูกสันหลังที่ลดลงทำให้เยื่อบุผนังท่อปัสสาวะบางลง และกระเพาะปัสสาวะหย่อนยาน ทำให้มีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะ และมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ น้ำหนักขึ้นและเริ่มอ้วน ผลของการลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้มีผลต่อระบบการเผาผลาญอาหาร ทำให้มีการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น
📌📌📌📌📌


 วิธีแก้อาการวัยทอง
◉ การรักษา
✱ ดูแลสุขภาพของตนเองได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิต ซึ่งได้แก่ อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย อนามัยเจริญพันธุ์และอนามัยสิ่งแวดล้อม
◎ อาการร้อนวูบวาบ
      ➣ สังเกตและจดจำสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบและหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น
      ➣ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่หรือการสัมผัสกับอากาศที่ร้อนมาก
      ➣ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน เครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้นให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น คาเฟอีน และแอลกอฮอล์
      ➣ รับประทานอาหารที่มีวิตามินอี และบี คอมเพล็กซ์ รวมถึงอาหารเสริมของสารเหล่านี้
      ➣ งดสูบบุหรี่
      ➣ ผ่อนคลายจิตใจ และหลีกเลี่ยงความเครียด เพราะความเครียดมีผลทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้น
◎ ช่องคลอดแห้งและปัสสาวะบ่อย
      ➣ ใช้สารหล่อลื่น เช่น K-Y Jelly เป็นต้น
      ➣ ใช้ครีมเอสโตรเจนทาเพื่อกระตุ้นให้เลือดมาหล่อเลี้ยงช่องคลอดมากขึ้น
      ➣ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยกระตุ้นสภาวะการไหลเวียนเลือดที่ดีในช่องคลอด และทำให้ช่องคลอดยืดหยุ่นมากขึ้น
◎ อาการนอนไม่หลับ และอารมณ์แปรปรวน
      ➣ ใช้ยาลดอาการซึมเศร้า เช่น ยาในกลุ่ม SSRI รวมถึงทำกิจกรรมนันทนาการเพื่อผ่อนคายความเครียด และทำให้จิตใจแจ่มใส
◎ กระดูกพรุน
      ➣ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือการทำงานหนัก
      ➣ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินดีสูง
      ➣ การใช้ฮอร์โมนเสริม แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้น
◎ ผมร่วง
      ➣ รับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจน เพื่อยับยั้งการสร้างไดไฮโดรเทสโทสเตอโรนที่เป็นสาเหตุทำให้รากผมอ่อนแอ
      ➣ สระผมอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำจัด และป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุการทำลายรากผม และหนังศีรษะ รวมถึงใช้ยาสระผมที่มีสารกระตุ้นการงอกใหม่หรือสารที่ช่วยบำรุงเส้นผม
✱  ใช้ยารักษาแบ่งเป็นฮอร์โมนทดแทน (Hormone replacement therapy) และยาที่ไม่ใช่กลุ่มฮอร์โมนทดแทน หากอาการวัยทองสร้างปัญหาต่อสุขภาพและจิตใจจนเกินควบคุมหรือสงสัยว่าเข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควร สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาได้
➣ หลักการของการให้ฮอร์โมนทดแทน
      คือการให้ในระดับปริมาณน้อยที่สุดที่จะสามารถบรรเทาอาการ เนื่องมาจากการขาดฮอร์โมนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการให้ฮอร์โมนทดแทนนั้น ควรจะพิจารณาให้โดยเป็นบุคคลไป ทั้งข้อบ่งชี้ในการให้ การมีข้อห้ามในการให้โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้จากการได้รับฮอร์โมนทดแทน โดยการใช้ฮอร์โมนทดแทนต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
◎ ฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง
      ผู้หญิงในช่วงวัยทองจะมีการลดลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมาก ทำให้เกิดอาการต่างๆตามมา ปัจจุบันผู้หญิงบางกลุ่มจึงหันมาใช้ฮอร์โมนทดแทนเพื่อลดปัญหาจาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และทางด้านอารมณ์ดังกล่าว รวมถึงช่วยป้องกันโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง เป็นต้น
◎ ฮอร์โมนทดแทนที่มีการใช้ในวัยทอง
      คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่ร่างกายขาดไปนั่นเอง นอกจากนั้น ยังใช้สารอื่นที่ออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือ โปรเจสเตอโรน
◎ รูปแบบการใช้ฮอร์โมน
      ➣ โดยการกินยา ทำให้ระดับไขมันที่ดีสูงขึ้น แต่จะทำให้ฮอร์โมนในเลือดไม่คงที่จากตับถูกทำลาย
      ➣ โดยการฉีด ยาจะไม่ผ่านตับ และระดับไขมันที่ดีจะไม่เพิ่มเหมือนชนิดกิน
      ➣ การใช้แผ่นปิด (estrogen-filled patch) โดยใช้ปิดที่แขนหรือก้น สามารถใช้ได้หลายวัน
      ➣ การฝังฮอร์โมน วิธีนี้จะทำให้ฮอร์โมนในเลือดสูงเกินมากกว่าปกติ 2-3 เท่า
      ➣ ครีมฮอร์โมนทาที่ผิวหนัง
      ➣ ครีมฮอร์โมนทาที่ช่องคลอด ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่มีอาการช่องคลอดแห้ง
◎ ประโยชน์ฮอร์โมนทดแทน
      ➣ ป้องกันโรคกระดูกพรุน
      ➣ ป้องกันโรคหัวใจ
      ➣ ลดอาการวัยทอง
      ➣ ลดอาการร้อนวูบวาบ
      ➣ ลดอาการช่องคลอดแห้ง และคัน ทำให้ช่องคลอดเต่งตึง ไม่แห้ง
      ➣ ลดอาการปัสสาวะเล็ด
      ➣ ใช้รักษาอาการร้อนวูบวาบ
      ➣ ใช้ลดอารมณ์แปรปรวน และนอนไม่หลับ
      ➣ ใช้ป้องกันโรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม มะเร็งลำไส้ และลดโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
◉ ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยง
      ➣ ผู้ที่มีประวัติมะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก
      ➣ ผู้ที่เป็นโรคตับ
      ➣ ผู้ที่เกิดลิ่มเลือดที่เท้า
      ➣ ผู้ที่มีประจำเดือนผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
◉ อาการข้างเคียง
      ➣ คัดเต้านม
      ➣ ท้องอืด ท้องบวมจากภาวะตับถูกทำลาย
      ➣ มีประจำเดือน
◉ ผลเสียการใช้ฮอร์โมน
      ➣ เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ในปริมาณที่สูง และใช้ติดต่อกันนาน 10-15 ปี ซึ่งการใช้ฮอร์โมนทดแทนไม่ควรใช้ติดต่อนานเกิน 5 ปี
      ➣ มีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดี โดยเฉพาะการใช้แบบรับประทาน หากต้องการป้องกันโรคดังกล่าวควรใช้แบบชนิดปิดหรือชนิดทา
◉ ข้อแนะนำการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
      ➣ สำหรับฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดทา ให้ทาวันละ 1 กรัม/ครั้ง
      ➣ ใช้ทาบริเวณหน้าขา หรือแขน และสามารถทาโลชั่นอื่นได้ตามปกติ
      ➣ หลีกเลี่ยงการทาบริเวณหน้าอก หน้าท้อง และอวัยวะเพศ เนื่องจากอยู่ใกล้อวัยวะภายใน ตัวยาอาจซึมเข้าสู่อวัยวะภายในผ่านต่อมน้ำนมได้
สตรีวัยทอง กินอะไรดี?
อาหารเพื่อสุขภาพสตรีวัยทองที่แนะนำ 
     ✔ สารสกัดจากเมล็ดแฟลกซ์ ✔ น้ำมันพริมโรส ✔ แคลเซี่ยม ✔ งาดำ ✔ คอลลาเจน ✔ ลูทีน ซีแซนทีน ✔ โคลีนและวิตามิน บี ✔ วิตามินรวมและแร่ธาตุ (ชาย) ✔ วิตามินรวมและแร่ธาตุ (หญิง) ✔ สารสกัดจากชาเขียว อีจีซีจี ✔ ขมิ้นชัน ✔ ถั่งเช่า (ชาย) ✔ ถั่งเช่า (หญิง) ✔ โสม ✔ ทับทิม ✔ น้ำทับทิม ✔ แอสตาแซนธิน ✔ ขิง ✔ น้ำสมุนไพรรวมจากสมุนไพรฤทธิ์เย็น, เย็นกลาง, ร้อน, อุ่น ✔ กวาวเครือขาว
◎➢ ทางเลือกหนึ่งที่อาจช่วยสตรีวัยทองให้มีสุขภาพดีได้...
สารอาหารเพื่อสุขภาพที่แนะนำสำหรับสตรีวัยทอง 

เมล็ดแฟลกซ์ มะขามป้อม 
ขมิ้นชัน-BIO FLAX PLUS





นูทริโฟลิค
NUTRI FOLIC





สารสกัดขิง
Ginger-C




   เพื่อการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างถูกต้อง และทันเวลาก่อนจะเกิดการเรื้อรังของโรคต่าง ๆ

  ส่วนหนึ่งของ ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน
สินค้าขายดี จาก แคตตาล็อก กิฟฟารีน ทั้งหมดกว่า 2,000 รายการ
“สร้างสรรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด และถึงพร้อมด้วยคุณภาพสูงสุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน”
อาหารเสริม&วิตามิน
เพื่อสุขภาพ



ผลิตภัณฑ์
เพื่อความงาม



เครื่องสำอาง



ของใช้ส่วนตัว



อาหารและเครื่องดื่ม



ของใช้ในครัวเรือน



Giffarine by Ongard
ช้อปเมื่อไรก็ได้ พร้อมสิทธิมากมาย
กิฟฟารีน ออนไลน์ ที่นี่...เราเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน
Richy Healthy by Giffarine Virtual Shop ร้านค้าที่คุณเริ่มลงทุนเพียง 180 บาท
GIFFARINE Online Network Business เส้นทางสู่ความสำเร็จ
รับสมัครสมาชิก กิฟฟารีน ออนไลน์
Facebook
Twitter
Email

Copyright © Richy Healthy by Giffarine Virtual Shop